“ความเป็นมาของกะลามหาอุตม์” (กะลาไม่มีตา)ให้ได้อ่านทำความรู้จักโดยทั่วกัน กะลาสามตา กะลาตาเดียว แกะเป็น พญาราหู มีคติความเชื่อว่าเป็นของคงทนสิทธิ์ เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่บนต้นมะพร้าว อาจจะนับได้ว่าเป็นเครื่องรางที่หายากสุดๆ มะพร้าว 1,000 ลูก หรือ 10,000 ลูก จะมีก็เพียงลูกเดียวหรือสองลูกเท่านั้นที่พบกะลาไม่มีตาหรือที่เรียกว่ากะลามหาอุตม์ เป็นกะลาที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและมีความพิเศษกว่ากะลาชนิดอื่นเพราะเป็นกะลาที่ไม่มีตาและไม่มีปากเลย จะอุดทึบหมดคนไทยเราเชื่อว่าเป็นของดีมีคุณวิเศษในตัวแรงกว่ากะลาตาเดียวหลายเท่านัก............
กะลาไม่มีตาไม่มีปาก หรือที่เรียกว่ากะลามหาอุตม์
เป็นกะลาที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ซึ่งมีลักษณะผิดแปลกกว่ากะลาปกติ คือจะไม่มีปากและไม่มีตาเลย ปากตำราอาจมีตาเกิดขึ้นแต่ปากอุดหมดอันนี้เขาก็เรียกมหาอุตม์ เช่นกัน โดยที่นิยมกันคือจะใช้แบบไม่มีตาไม่มีปากเลย กะลามหาอุตม์เป็นกะลาที่หาได้ยากมากกว่ากะลาตาเดียวหลายเท่านัก (กะลามะพร้าวชนิดใดมีแต่รูงอกไม่มีตา เขาเรียกว่า “ กะลาตาบอดแต่ถ้าเป็นกะลามหาอุตม์จะไม่มีทั้งรูงอกและรูตา จะทึบหมดทั้งลูก )
กะลามหาอุตม์นี้พบยากจริงๆ คนโบราณถือเป็นของดีมีคุณวิเศษหลายอย่างเช่นมหาอุตม์โชคลาภรวมทั้งคุณวิเศษด้านอื่นๆที่กะลาตาเดียวมี กะลามหาอุตม์ก็มีเช่นนั้นด้วย
แต่กะลามหาอุตม์จะมีคุณอำนาจแรงกว่าหลายเท่านักพระเกจิอาจารย์สมัยก่อนมักเสาะแสวงหากะลามหาอุตม์มาบูชาไว้เพื่อติดตัวขณะเดินธุดงค์ ในป่าเพื่อกันอาถรรพ์จากสิ่งชั่วร้ายลี้ลับเกจิอาจารย์บางท่านจะนำกะลามหาอุตม์มาขูดเอาผงกะลานำมาทำมวลสารเพื่อทำวัตถุมงคลโดยใช้หางกระแบนขูด จะมีกับผู้มีบุญวาสนาเท่านั้น ที่จะมีกะลามหาอุตม์ไว้ในครอบครอง บางท่านได้รู้ถึงคุณอำนาจของกะลาชนิดนี้จึงนำกะลามหาอุตม์มาเจาะกลึงทำเป็นสร้อยเพื่อสวมใส่ติดตัว
ด้านคุณอำนาจก็ไม่ได้หายไปเลย
“ตามตำนานเล่าขานกันต่อมาว่ากาลครั้งหนึ่งขุนโจรภาคใต้ จังหวัดพัทลุง ขุนโจรคนนั้นไม่มีพระเครื่องหรือเครื่องรางอย่างอื่นเลยทั้งตัวมีเพียงกะลามะพร้าวมหาอุตม์ผูกติดกับผ้าขาวม้าคาดตัวลูกเดียวเท่านั้น ไม่เคยโดนเจ้าทรัพย์หรือตำรวจคนไหนยิงโดนตัวแม้แต่สักครั้งเดียว ส่วนมากจะยิงไม่ออกบางครั้งตำรวจล้อมเอาไว้หมดทุกด้าน แต่ขุนโจรคนนี้สามารถผ่าวงล้อมและกระสุนไปได้ทุกครั้งซ้ำบางครั้งตำรวจยังมองไม่เห็นตัวเสียด้วยซ้ำไป ต่อมาภายหลังขุนโจรคนนี้ได้กลับเนื้อกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคชราในที่สุด กะลามหาอุตม์ลูกนั้น ก็ได้ตกทอดมายังลูกหลานซึ่งเคยก่ออภินิหารหลายต่อหลายครั้งเลย
ซึ่งในสมัยโบราณเชื่อว่า กะลาตาเดียว มีคุณวิเศษในตัว โดยไม่ต้องผ่านการปลุกเสกก็ได้ เพราะถือว่า เป็นวัตถุอาถรรพ์ นำโชค ป้องภัย ป้องกันเสนียดจัญไร และคุณไสยต่างๆ
ท่านครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น เทพเจ้าแห่งเครื่องรางของขลัง ของ อาณาจักรล้านนาไทย ท่านครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ เป็นพระคณาจารย์ร่วมสมัยกับ ท่านครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ที่มีผู้ให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสทั่วแผ่นดินล้านนา ตั้งแต่แรกเริ่มสมัยที่ ท่านครูบาศรีวิชัยต้องอธิกรณ์ (ถูกกล่าวหามีผิดทางพระวินัยสงฆ์) ท่านครูบานันตา ซึ่งเป็นสหธรรมิกก็ได้สร้างกะลาตาดียวแกะรูปพระราหูขึ้น เพื่อใช้อธิษฐานขอให้ท่านครูบาศรีวิชัย พ้นจากความผิดอธิกรณ์ ซึ่งในที่สุดแล้ว ท่านครูบาศรีวิชัยก็ได้พ้นมลทินทุกประเด็น พระราหูกะลาตาเดียว ของท่านครูบานันตา จะสร้างไว้เป็นคู่ๆ คือ มี สุริยัน และ จันทรา โดยเชื่อว่าเครื่องรางนี้จะช่วยให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข การค้าการขายเจริญรุ่งเรือง พบพานแต่สิ่งดี แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย
หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ได้สร้างพระราหูอมจันทร์ จากกะลาตาเดียวด้วยวิธีการสืบมาจากหลวงพ่อไตร ซึ่งเป็นการสร้างตามตำรับใบลานจานอักขระขอมลาวที่นำมาจากประเทศลาวโดยตรง การสร้างพระราหูตามสูตรตำรับของลาวของโบราณจะใช้เพียง "กะลาตาเดียว" มาแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นในสมัยของหลวงพ่อน้อยก็เช่นกัน โดยเชื่อกันว่า เครื่องรางรูปราหูนี้ก็จะสามารถช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากอันตราย และความทุกข์ยากลำบากเหล่านั้นได้
พระพิพิพัฒนาทร (พระอาจารย์สมชาย ฉันทสโร) เจ้าอาวาสวัดปริวาส ได้จัดสร้างสุดยอดของเครื่องราง คือ พยัคฆราชคุ้มดวง-หนุนดวง รุ่น "สร้างบารมี" ขึ้นมา โดยใช้กะลาตาเดียว แกะสลักอย่างประณีตสวยงาม หลวงพ่อสมชาย ได้รับการถ่ายทอดวิชาการสร้างและปลุกเสก "เสือ" จาก หลวงพ่อวงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดปริวาสโดยตรง อันเป็นวิชาทางสาย หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จ.สมุทรปราการ หลวงปู่แดง วัดอ่างศิลา จ.ชลบุรี เจ้าตำรับการสร้าง "เสือ" อันโด่งดังในอดีต ที่วงการนักสะสมเครื่องรางรู้จักกิตติศัพท์กัน
หากจะลองสัมผัสอิทธิฤทธิ์ตามความเชื่อโบราณเหล่านี้ ก็ลองหาซื้อกะลาตาเดียวหรือกะลามหาอุตม์มาไว้ในครอบครองดู ก็ไม่น่าเสียหายอะไร เพราะมีแต่คุณไม่มีโทษขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย, บ้านสวนพระเครื่อง,และข้อมูลเพิ่มเติม(บางส่วน)
จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะ
ขอขอบคุณ เรียบเรียงโดย: โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์